จากภาพอาจจะดูไม่ค่อยวิชาการสักเท่าไรนัก แต่คิดว่าเป็นการยกตัวอย่างให้เห็นภาพที่เป็นเส้นบางบางระหว่างความเสี่ยงกับโอกาส ได้ชัดเจนที่สุด
จากชื่อเพจของผม Risk and Opportunity เหมือนเป็น Motto ส่วนตัวว่าเราว่าจะไม่สอนหรือให้คำปรึกษาธุรกิจเกี่ยวกับความเสี่ยงในยุคเก่า ที่เน้นมาตรฐาน/Checklist/คือขับเคลื่อนด้วย Regulatorty Basis (แบบนี้ไม่เอา)
แต่จะเน้นให้ผู้เข้าฟังบรรยาย/องค์กร เข้าใจประโยชน์ที่แท้จริงของการบริหารความเสี่ยง ในการมุ่งเน้น 1) Opportunity 2) Sustainability (ESG) 3) Resiliency (โอกาส/ความยั่งยืน/ความยืดหยุ่น)
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัด ๆ ว่า ธุรกิจสามารถ Turn risk เป็น Opportunity ได้อย่างไร เช่น
- สินค้าที่ขายในร้านสะดวกซื้อที่เป็นอาหารกลุ่มสุขภาพ เช่น โปรตีนขวด อาหารคลีน ได้เกิดขึ้นในร้านสะดวกซืื้อจากการปรับเปลี่ยนสินค้าในร้านสะดวกซื้อ เพราะก่อนหน้านั้นมีความเสี่ยงเกี่ยวกับ "สินค้าในร้านสะดวกซื้อไม่ตอบโจทย์กระแสนิยมรักสุขภาพ" ความเสี่ยงนี้กลายเป็นโอกาสสำหรับร้านสะดวกซื้อในการเพิ่มการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ใส่ใจสุขภาพเเละสามารถเพิ่มยอดขายได้
- จากสถานการณ์โลกร้อน ทำให้บรรจุภัณฑ์สินค้าบางอย่างทำจากพลาสติกซึ่งในกระบวนการผลิตอาจมีปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นจำนวนมาก เกิดเป็นความเสี่ยงประเภท Environment บริษัทจึงได้ปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ (Recycle) นอกจากลดโลกร้อนยังสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ เพราะคนใส่ใจสิ่งแวดล้อมอาจยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้น เพื่อช่วยลดโลกร้อน
- มุมใกล้ตัวขึ้นเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคล (Personal Finance) การฝากเงินไว้ในธนาคารแบบออมทรัพย์อาจมีความเสี่ยงเพราะอัตราเงินเฟ้ออาจสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก การบริหารความเสี่ยงคือ เอาเงินไปลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินประเภทอื่น เช่น หุ้นสามัญ หุ้นกู้ กองทุน เป็นต้น เพื่อได้ผลตอบแทนที่สูงชนะเงินเฟ้อ
หรือหากอยากฟังเป็นคลิปสอนที่ผมได้ไปบรรยาย ช่วงเเรกๆของคลิป ผมจะยกตัวอย่างระบบบริหารความเสี่ยงที่ดีที่สามารถสร้าง (โอกาส/ความยั่งยืน/ความยืดหยุ่น) อย่างเป็นรูปธรรม ได้ที่นี้ "Youtube"
คำถามประการสำคัญคือ แล้วเราจะใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ความเสี่ยงให้ไปสู่โอกาสต้องทำอย่างไร
กลยุทธ์สำคัญคือการแยกองค์กรประกอบระหว่างคำว่า
Risk + Management ------> Opportunity
1) Character ของ Risk ที่สามารถเป็นโอกาสได้นั้น ต้องมีลักษณะที่ค่อนข้างไปทางอนาคต (Future Event) จากประสบการณ์องค์กรส่วนใหญ่มักเอาปัญหาปัจจุบัน (Current Event) หรือสิ่งที่เกิดขึ้นเเล้วมาเป็นความเสี่ยง เมื่อ Management เสร็จมักไม่ค่อยเจอโอกาสอะไร เเต่เหมือนเป็นการแก้ไขปัญหามากกว่า
2) การวิเคราะห์ความเสี่ยงให้ไปเจอโอกาส -->ต้องเลือก Future Event --> การเลือก Future Event อย่างมีประสิทธิภาพต้องใช้พลังแห่งข้อมูลหรือ Data Driven คือหาข้อมูลมาประกอบการวิเคราะห์ความเสี่ยง หรือเรียกว่าใช้ตัวชี้วัดความเสี่ยงที่ดี (Key Risk Indicators-KRI) ทั้งนี้ KRIs คืออะไร ดูได้จาก "KRI Dashboard"
3) มาถึงคำว่า Management ทุกครั้งที่เลือกบริหารความเสี่ยง (Reduce/Transfer Risk) ต้องมั่นใจว่า 2 ประการ
ประการแรก Benefit >> Cost นั่นคือประโยชน์จากการบริหารความเสี่ยงต้องมากกว่าต้นทุน
ประการสอง Benefit ทีได้ต้องมีโอกาสซ้อนอยู่
หากทำได้ 2 ประการ มีโอกาสที่จะได้ ---> Opportunity
สำหรับบทความนี้เอาไว้เตือนใจคนสายงานความเสี่ยงที่ต้องไปวิเคราะห์ความเสี่ยงให้กับองค์กร ให้เราดูเท่และมีคุณค่ามากกว่าการเป็นตำรวจบ้านให้เค้าเดินหนีครับ
Risk vs Opportunity

8 ก.พ. 2568